ข้อเสีย : ไม้เวงเก้
ไม้เวงเก้ (Wenge wood) ถือเป็นหนึ่งในไม้หายากที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์หรูหราและงานตกแต่งภายใน เพราะลักษณะสีเข้มและความทนทานที่ดีเยี่ยม แต่นอกจากข้อดีที่มีแล้ว ไม้เวงเก้ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนการเลือกใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการไม้เพื่อการตกแต่งที่ยั่งยืนและใช้งานได้ยาวนาน
ราคาสูง
หนึ่งในข้อเสียที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของไม้เวงเก้คือราคาที่สูงมากเมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่น ๆ ทั้งนี้เนื่องจากไม้เวงเก้เป็นไม้หายากที่มีแหล่งกำเนิดในบางประเทศในแอฟริกา โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าไม้ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ทำให้มีต้นทุนในการขนส่งและการนำเข้าไม้ชนิดนี้สูงขึ้น
- การขนส่งและการนำเข้า: การขนส่งไม้เวงเก้จากแอฟริกามายังประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือยุโรป ต้องใช้กระบวนการที่ซับซ้อนและมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ทำให้ราคาของไม้เวงเก้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- ความหายาก: เนื่องจากไม้เวงเก้เป็นไม้หายากและมีการอนุรักษ์อย่างเข้มงวด จึงทำให้การหามาใช้ในตลาดมีข้อจำกัด ส่งผลให้ราคาค่อนข้างสูง
ราคาของไม้เวงเก้จึงสามารถอยู่ในช่วง 5000-10000 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพของไม้
เนื้อไม้แข็งและท้าทายในการทำงาน
แม้ว่าไม้เวงเก้จะมีความแข็งแกร่งและทนทาน แต่ความแข็งนี้เองก็เป็นข้อเสียที่ควรคำนึงถึงเมื่อคุณต้องการทำงานกับมัน เช่น การตัดหรือการขัดเงาไม้ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องทำเฟอร์นิเจอร์ที่มีความซับซ้อนหรือในขนาดใหญ่
- ยากในการขัดและตัด: เนื่องจากเนื้อไม้ของเวงเก้มีความแข็งและหนาแน่น การตัดหรือขัดไม้ชนิดนี้อาจใช้เวลาและความพยายามมากกว่าการทำงานกับไม้ชนิดอื่น ๆ เช่น ไม้สนหรือไม้โอ๊ค ซึ่งทำให้ต้องใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพและแรงงานที่มีทักษะ
- การใช้เครื่องมือพิเศษ: หากคุณใช้เครื่องมือไม่เหมาะสม ไม้เวงเก้อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องมือได้ เพราะมันสามารถทำให้ใบเลื่อยหรือเครื่องขัดไม้เกิดความร้อนและเสียหายได้ง่าย
การเปลี่ยนสีเมื่อเวลาผ่านไป
ไม้เวงเก้มีสีเข้มที่โดดเด่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้มันได้รับความนิยมในงานตกแต่งภายใน แต่มีข้อเสียในด้านการเปลี่ยนแปลงสีเมื่อใช้ไปสักระยะ
- การซีดจางของสี: ไม้เวงเก้มีแนวโน้มที่จะซีดจางลงตามเวลา โดยเฉพาะเมื่อไม้ได้รับแสงแดดหรือสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูง การเปลี่ยนสีนี้อาจทำให้ไม้ดูเก่าหรือไม่คงความสวยงามเหมือนตอนแรก
- การรักษาสีของไม้: แม้ว่าจะสามารถรักษาความเข้มของสีด้วยการทาเคลือบหรือรักษาอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังมีโอกาสที่ไม้จะสูญเสียความสวยงามตามการใช้งานไปในที่สุด
ราคาแพงในการบำรุงรักษา
การบำรุงรักษาไม้เวงเก้ต้องใช้เวลาพอสมควร และยังต้องใช้วัสดุพิเศษในการรักษาเพื่อให้ไม้คงความสวยงามและทนทาน
- การทาผลิตภัณฑ์เคลือบ: เนื่องจากไม้เวงเก้มีสีที่เข้มและมักซีดจางตามเวลา การทาผลิตภัณฑ์เคลือบอย่างน้ำยาเคลือบไม้หรือโอเมก้าจะช่วยรักษาความสวยงามของไม้และยืดอายุการใช้งาน แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและทาอย่างสม่ำเสมอก็มีต้นทุนที่สูง
- การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ: ไม้เวงเก้ต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีเพื่อไม่ให้เสียหายจากความชื้นหรือรอยขีดข่วน การใช้เคลือบและการดูแลอย่างละเอียดจึงจำเป็นต่อการยืดอายุการใช้งาน
การบิดตัวของไม้
แม้ว่าไม้เวงเก้จะมีความทนทานและแข็งแกร่ง แต่การบิดตัวของไม้ก็เป็นหนึ่งในข้อเสียที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง
- การบิดตัว: ไม้ที่มีความหนาแน่นสูงอย่างไม้เวงเก้หากไม่ได้รับการดูแลหรือควบคุมความชื้นในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง อาจเกิดการบิดตัวหรือแตกร้าวได้ ซึ่งจะทำให้รูปร่างของเฟอร์นิเจอร์หรือชิ้นงานที่ทำจากไม้เวงเก้ผิดรูปได้
- การควบคุมความชื้น: เพื่อลดปัญหานี้ ควรใช้เครื่องมือรักษาความชื้นหรือควบคุมอุณหภูมิในพื้นที่ที่ใช้ไม้เวงเก้ เพื่อให้ไม้ไม่เกิดการบิดตัวหรือแตกร้าว
ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง
ไม้เวงเก้ไม่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง เนื่องจากมันไม่ทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง
- ความไวต่อความชื้น: เนื่องจากไม้เวงเก้มีความหนาแน่นสูง มันอาจดูดซับความชื้นได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้ไม้เกิดการบวมและเสียรูปเมื่อใช้ในพื้นที่กลางแจ้ง
- การร่วงโรยของสี: เมื่อถูกแสงแดดหรือฝนบ่อย ๆ ไม้เวงเก้สามารถสูญเสียสีและสภาพไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มันไม่เหมาะกับการใช้งานภายนอกหรือในพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรง
สรุป
แม้ว่า ไม้เวงเก้ จะเป็นไม้ที่มีความสวยงามและทนทานมาก แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกใช้ในงานตกแต่งหรือทำเฟอร์นิเจอร์
ข้อเสียหลัก ๆ ของไม้เวงเก้ ได้แก่ ราคาที่สูง, เนื้อไม้แข็งและยากในการทำงาน, การเปลี่ยนสีเมื่อเวลาผ่านไป, ต้นทุนในการบำรุงรักษาที่สูง, การบิดตัวของไม้, และ การไม่เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง
การพิจารณาเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อจำกัดของไม้เวงเก้และทำให้การตัดสินใจเลือกใช้ไม้ชนิดนี้เป็นไปอย่างมีข้อมูลมากขึ้น
