Durable

Sitka Spruce

ชื่อสามัญ: Sitka Spruce

ชื่อวิทยาศาสตร์: Picea sitchensis

ถิ่นกำเนิด: ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกาเหนือ

ความสูงลำต้น: 130-160 ฟุต หรือ 40-50 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 4-6 ฟุต หรือ 1.2-1.8 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 2-7 (lbf/ft3) หรือ 425 (kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.36, 0.42

ความแข็ง : 510 (lbf) หรือ 2,270 (N)

การแตกหัก : 10,150 ( lbf/in2) (70.0 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,600,000 (lbf/in2) (11.03 Gpa)

ความสามารถในการบด: 5,550 lbf/in2 (38.2 MPa)

การหดตัว: Radial: 4.3%, Tangential: 7.5%, Volumetric: 11.5%, T/R Ratio: 1.7

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
lbf /ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต
kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: ไม้ Sitka Spruce มีสีครีมหรือขาวไปจนถึงเหลือง แก่นไม้อาจมีสีแดงอมชมพู
ได้ในบางครั้ง กระพี้ไม่ได้แยกออกจากแก่นไม้อย่างชัดเจน บางชิ้นมีลายพิเศษ
ที่เรียกว่ากรงเล็บหมี ซึ่งคล้ายกับรอยข่วนของหมี

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้: ไม้ Sitka Spruce เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้ละเอียด

ความทนทาน: แก่นไม้ได้รับการจัดอันดับว่าทนทานเล็กน้อยถึงไม่ผุกร่อน

ความสามารถในการใช้: ใช้งานได้ง่ายถ้าไม่มีตาไม้ สามารถใช้กับกาวได้ดี แต่ก็อาจ
ทำให้เป็นรอยด่างและไม่สม่ำเสมอได้ เนื่องจากรูพรุนของไม้ และแนะนำให้ใช้
เครื่องขัดสี สีเจลย้อมไม้ หรือน้ำยาปรับสี สำหรับการทำสีไม้ Spruce

กลิ่น: ไม่มีกลิ่นเฉพาะ

การแพ้/ความเป็นพิษ: การเกิดการแพ้ของ ไม้Spruce ในสกุล Picea เป็น สารกระตุ้นอาการแพ้ ปฏิกิริยาที่พบบ่อยที่สุดมักจะรวมถึงการระคายเคืองผิวหนังและ/หรือความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม้Spruce เกรดก่อสร้างมีราคาถูกและหาง่าย การเลื่อยไม้ผ่าสี่ ทำให้ไม่มีตาไม้ อาจทำให้มีราคาแพงขึ้น และเกรดที่นำไปใช้ทำเครื่องคนตรี มีราคาสูงกว่าไม้เนื้อแข็งในประเทศส่วนใหญ่ในแง่ของราคาต่อฟุตบอร์ด

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้จัดอยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และได้รับรายงานจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าเป็นพันธุ์ไม้
ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: ไม้สำหรับงานก่อสร้าง, กล่อง/ลังไม้, เฟอร์นิเจอร์, ,ส่วนประกอบเครื่องบิน, ซาวด์บอร์ดเครื่องดนตรี, การต่อเรือ (เสากระโดง), ใบพัดกังหันลม, และการใช้งานแทบทุกประเภทที่ต้องการวัสดุไม้ที่มีความแข็งแรงทนทาน


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/sitka-spruce/

Red Spruce

ชื่อสามัญ: Red Spruce

ชื่อวิทยาศาสตร์: Picea rubens

การกระจายพันธุ์: ทางตะวันออกของอเมริกาเหนือ

ความสูงลำต้น: 80-110 ฟุต หรือ 24-34 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 2-4.5 ฟุต หรือ 0.6-1.4 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 2 7 (lbf/ft3) หรือ 435 (kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ: 0.37, 0.43

ความแข็ง : 490 (lbf) หรือ 2,180 (N)

การแตกหัก : 9,580 ( lbf/in2) (66.0 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,560,000 (lbf/in2) (10.76 Gpa)

แรงอัดแตก: 4,870 lbf/in2 (33.6 MPa)

การหดตัว: Radial: 3.8%, Tangential: 7.8%, Volumetric: 11.8%, T/R Ratio: 2.1

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
lbf /ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต
kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: ไม้ Red Spruce มีสีขาวครีมอมสีเหลืองหรือสีแดงเล็กน้อย

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้ละเอียด

ความทนทาน: แก่นไม้ได้รับการจัดอันดับว่าทนทานเล็กน้อยถึงไม่ผุกร่อน

ความสามารถในการใช้: ใช้งานได้ง่ายถ้าไม่มีตาไม้ สามารถใช้กับกาวได้ดี แต่ก็อาจ
ทำให้เป็นรอยด่างและไม่สม่ำเสมอได้ เนื่องจากรูพรุนของไม้ และแนะนำให้ใช้
เครื่องขัดสี สีเจลย้อมไม้ หรือน้ำยาปรับสี สำหรับการทำสีไม้ Spruce

กลิ่น: ไม่มีกลิ่นเฉพาะ

การแพ้/ความเป็นพิษ: การเกิดการแพ้ของ ไม้ Red Spruce ได้แก่ อาการระคายเคืองผิวหนัง หรือทำให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: เกรดก่อสร้างมีราคาถูกและหาง่าย อย่างไรก็ตาม การเลื่อยไม้ผ่าสี่ ทำให้ไม่มีตาไม้ อาจทำให้มีราคาแพงขึ้น ท่อนไม้Quartersawnของไม้Red Spruce (Adirondack) เกรดที่นำไปใช้ทำเครื่องคนตรีสามารถมีราคาสูงกว่าไม้เนื้อแข็งในประเทศส่วนใหญ่ในแง่
ของราคาต่อฟุตบอร์ด

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้จัดอยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และได้รับรายงานจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าเป็นพันธุ์ไม้
ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: กระดาษ (เยื่อกระดาษ), ไม้สำหรับงานก่อสร้าง, งานช่างไม้สำเร็จรูป, ลังไม้, ต้นคริสต์มาสและแผ่นเสียงของเครื่องดนตรี


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/red-spruce/

Norway Spruce

ชื่อสามัญ: Norway Spruce

ชื่อวิทยาศาสตร์: Picea abies

การกระจายพันธุ์: ตอนเหนือและตอนกลางของยุโรป

ความสูงลำต้น: 115-180 ฟุต หรือ 35-55 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 3-5 ฟุต หรือ 1-1.5 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย:2 5 (lbf/ft3) 405 (kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.32, 0.41

ความแข็ง : 380 (lbf)  1,680 (N)

การแตกหัก : 9,130 ( lbf/in2) (63.0 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,406,000 (lbf/in2) (9.70 Gpa)

แรงอัดแตก: 5,150 lbf/in2 (35.5 MPa)

การหดตัว: Radial: 3.9%, Tangential: 8.2%, Volumetric: 12.9%, T/R Ratio: 2.1

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
lbf /ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต
kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: ไม้ Norway Spruce มีสีขาวครีมอมสีเหลืองหรือสีแดงเล็กน้อย

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้: ไม้ Norway Spruce เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้ละเอียด

ความทนทาน: แก่นไม้มีความทนทานต่ำต่อการการผุพัง

ความสามารถในการใช้: ใช้งานได้ง่ายถ้าไม่มีตาไม้ สามารถใช้กับกาวได้ดี แต่ก็อาจ
ทำให้เป็นรอยด่างและไม่สม่ำเสมอได้ เนื่องจากรูพรุนของไม้ และแนะนำให้ใช้
เครื่องขัดสี สีเจลย้อมไม้ หรือน้ำยาปรับสี สำหรับการทำสีไม้ Spruce

กลิ่น: ไม่มีกลิ่นเฉพาะ

การแพ้/ความเป็นพิษ: การเกิดการแพ้ของ ไม้ Norway Spruce ได้แก่ อาการระคายเคืองผิวหนัง หรือทำให้เกิดอาการคล้ายโรคหอบหืดในระบบทางเดินหายใจ ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: เกรดก่อสร้างมีราคาถูกและหาง่าย แม้ว่าจะมีถิ่นกำเนิดในยุโรป แต่ก็มีการปลูกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขาร็อกกี้ และพื้นที่ชายฝั่งแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกาสายพันธุ์จะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น อย่างไรก็ตามการเลื่อยแบบไม้ผ่าสี่เกรดที่นำไปใช้ทำเครื่องคนตรี (มักขายภายใต้ชื่อ German Spruce, Yugoslavian Spruce, ฯลฯ) มีราคาสูงกว่าไม้เนื้อแข็งในประเทศส่วนใหญ่ในแง่ของราคาต่อฟุตบอร์ด

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้จัดอยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และได้รับรายงานจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าเป็นพันธุ์ไม้
ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: กระดาษ (เยื่อกระดาษ), ไม้สำหรับงานก่อสร้าง, ลังไม้, ต้นคริสต์มาสและซาวด์บอร์ดของเครื่องดนตรี


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/norway-spruce/

Engelmann Spruce

ชื่อสามัญ: Engelmann Spruce

ชื่อวิทยาศาสตร์: Picea engelmannii

การกระจายพันธุ์: ทางตะวันตกของอเมริกาเหนือ

ความสูงลำต้น: 130 ฟุต หรือ 40 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 3 ฟุต หรือ 1 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 24  (lbf/ft3) หรือ 385 (kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.33, 0.39

ความแข็ง : 390 (lbf) หรือ 1,740 (N)

การแตกหัก : 9,010 ( lbf/in2) (62.2 Mpa)

การยืดหยุ่น:1,369,000 (lbf/in2) (9.44 Gpa)

แรงอัดแตก: 4,560 lbf/in2 (31.5 Mpa)

การหดตัว: Radial: 3.8 %, Tangential: 7.1%, Volumetric: 11.0%, T/R Ratio: 1.9

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
lbf /ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต
kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: ไม้ Engelmann Spruce มีสีครีมเกือบขาว และอาจมีสีอมแดงบ้างเล็กน้อย

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้ละเอียด และมีตาไม้ขนาดเล็ก

ความทนทาน: ไม้มีความทนทานต่ำต่อการการผุพัง

ความสามารถในการใช้: ใช้งานได้ง่ายถ้าไม่มีตาไม้ สามารถใช้กับกาวได้ดี แต่ก็อาจ
ทำให้เป็นรอยด่างและไม่สม่ำเสมอได้ เนื่องจากรูพรุนของไม้ และแนะนำให้ใช้
เครื่องขัดสี สีเจลย้อมไม้ หรือน้ำยาปรับสี สำหรับการทำสีไม้ Spruce

กลิ่น: ไม่มีกลิ่นเฉพาะ

การแพ้/ความเป็นพิษ: การเกิดการแพ้ของ ไม้ Engelmann Spruce ได้แก่ อาการระคายเคืองผิวหนัง หรือทำให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม้ Spruce เกรดก่อสร้างมีราคาถูกและหาง่าย แต่การเลื่อยไม้ผ่าสี่ ทำให้ไม่มีตาไม้ อาจทำให้มีราคาแพงขึ้น ไม้ผ่าสี่ในเกรดใช้เป็นเครื่องมือมีราคาสูงกว่าไม้เนื้อแข็งในประเทศส่วนใหญ่ในแง่ของราคาต่อแผ่นไม้

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้จัดอยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และได้รับรายงานจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าเป็นพันธุ์ไม้
ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: งานก่อสร้าง, ปลอกหุ้ม, หมอนรองรางรถไฟ, กระดาษ (เยื่อกระดาษ), และบางครั้งใช้แทนไม้ Sitka Spruce ในการทำกีตาร์และซาวด์บอร์ดของเครื่องดนตรีอื่นๆ


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/engelmann-spruce/

Black Spruce

ชื่อสามัญ: Black Spruce

ชื่อวิทยาศาสตร์: Picea mariana

การกระจายพันธุ์: ทางตอนเหนือของอเมริกาเหนือ

ควาามสูงลำต้น: 30-50 ฟุต หรือ 10-15 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 1-1.5 ฟุต หรือ 3-.5 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย:28   (lbf/ft3) หรือ450 (kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.38, 0.45

ความแข็ง : 520 (lbf) หรือ 2,320 (N)

การแตกหัก : 10,100 ( lbf/in2) (69.7 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,523,000 (lbf/in2) (10.50 Gpa)

แรงอัดแตก: 5,410 lbf/in2 (37.3 MPa)

การหดตัว: Radial: 4.1%, Tangential: 6.8%, Volumetric: 11.3%, T/R Ratio: 1.7

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
lbf /ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต
kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: ไม้ Black Spruce มีสีขาวครีมอมเหลืองเล็กน้อย

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้ละเอียด

ความทนทาน: ไม้มีความทนทานต่ำต่อการการผุพัง

ความสามารถในการใช้: ใช้งานได้ง่ายถ้าไม่มีตาไม้/ปุ่มไม้ สามารถใช้กับกาวได้ดี แต่ก็อาจ
ทำให้เป็นรอยด่างและไม่สม่ำเสมอได้ เนื่องจากโครงสร้างรูพรุนของไม้ และแนะนำให้ใช้
เครื่องขัดสี สีเจลย้อมไม้ หรือน้ำยาปรับสี สำหรับการทำสีไม้ Spruce

กลิ่น: ไม่มีกลิ่นเฉพาะ

การแพ้/ความเป็นพิษ: การเกิดการแพ้ของ ไม้ Black Spruce ได้แก่ อาการระคายเคืองผิวหนัง หรือทำให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: มีราคาถูกและหาง่าย แต่การเลื่อยแบบผ่าสี่หรือที่จะทำให้ไม่มีตาไม้ อาจทำให้มีราคาแพงขึ้น และมีราคาสูงกว่าไม้เนื้อแข็งในประเทศส่วนใหญ่ในแง่ของราคาต่อฟุตบอร์ด

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้จัดอยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และได้รับรายงานจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าเป็นพันธุ์ไม้
ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: กระดาษ (เยื่อกระดาษ), งานก่อสร้าง, ไม้สำหรับงานก่อสร้าง, และลังไม้


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/black-spruce/

Western white Pine

ชื่อสามัญ:  Western White Pine, Idaho White Pine

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Pinus monticola

ถิ่นกำเนิด:  เขตภูเขาทางตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ

ความสูงลำต้น:  100-150 ฟุต หรือ 30-46 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-5 ฟุต หรือ 1-1.5 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย:  27 lbf/ft3 (435 kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.35, 0.43

ความแข็ง : 420 lbf (1,870 N)

การแตกหัก :  9,700 lbf/in2 (66.9 Mpa)

การยืดหยุ่น:  1,460,000 lbf/in2 (10.07 Gpa)

แรงอัดแตก:  5,040 lbf/in2 (34.8 Mpa)

การหดตัว: Radial: 4.1%, Tangential: 7.4%, Volumetric: 11.8%, T/R Ratio: 1.8

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
lbf /ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต
kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้เป็นสีน้ำตาลอ่อน บางครั้งมีสีแดงเล็กน้อย กระพี้เป็นสีเหลืองซีดจนเกือบเป็นสีขาว สีมักจะเข้มขึ้นตามอายุของไม้

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้หยาบปานกลาง

ความทนทาน: แก่นไม้มีความทนทานต่อการผุพังปานกลางถึงต่ำ

ความสามารถในการใช้:Western White Pine ทำงานได้ดีกับทั้งเครื่องมือและเครื่องจักร ใช้ในงานกาวได้ดี

กลิ่น: ไม้ Western White Pine มีกลิ่นยางจางๆ ขณะทำงาน

การแพ้/ความเป็นพิษ: ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง หรืออาการคล้ายโรคหอบหืดในบางคน ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม้ Western White Pine ถูกเก็บเกี่ยวอย่างกว้างขวางเพื่อใช้เป็นไม้สำหรับงานก่อสร้าง และบางครั้งก็ขายสลับกับไม้ Sugar Pine ราคาอยู่ในระดับปานกลางถึงสูงสำหรับไม้เนื้ออ่อนในประเทศ

 ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES และได้ถูกรายงานจาก IUCN ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: แผ่นไม้อัด, ไม้อัด, ลังไม้, กล่อง, ไม้ขีด, งานตกแต่งภายในอาคาร, งานแกะสลัก และไม้สำหรับงานก่อสร้าง


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/western-white-pine/

Virginia Pine

ชื่อสามัญ:  Virginia Pine, Scrub Pine

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Pinus virginiana

ถิ่นกำเนิด:  ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

ความสูงลำต้น: 50-65 ฟุต หรือ 15-20 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 ฟุต หรือ 0.3-0.6 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย:  32 lbf/ft3 (515 kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.45, 0.51

ความแข็ง : 740 lbf (3,290 N)

การแตกหัก : 13,000 lbf/in2 (89.7 Mpa)

การยืดหยุ่น:  1,520,000 lbf/in2 (10.48 Gpa)

แรงอัดแตก:   6,710 lbf/in2 (46.3 Mpa)

การหดตัว: Radial: 4.2%, Tangential: 7.2%, Volumetric: 11.9%, T/R Ratio: 1.7

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีน้ำตาลแดง กระพี้กว้าง มีสีขาวอมเหลือง

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้หยาบปานกลาง

ความทนทาน: แก่นไม้มีความต้านทานการผุกร่อนในระดับปานกลางถึงต่ำ

ความสามารถในการใช้: : โดยรวมแล้วไม้ Virginia Pine ทำงานได้ดีกับเครื่องมือส่วนใหญ่ แม้จะมียางติดเครื่องมือและกระดาษทราย ใช้ในงานกาวได้ดี

กลิ่น: มีกลิ่นเฉพาะตัว

การแพ้/ความเป็นพิษ: ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง หรืออาการคล้ายโรคหอบหืดในบางคน ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม้ Virginia Pine  จำหน่ายและผสมกับสายพันธุ์อื่น ๆ เช่น Southern Yellow Pine ซึ่งมีอยู่ทั่วไป ขายในรูปแบบไม้สำหรับงานก่อสร้างในราคาย่อมเยา

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES และได้ถูกรายงานจาก IUCN ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: สำหรับงานก่อสร้างหนัก เช่น สะพาน คาน เสา รางรถไฟ ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้ทำไม้อัด เยื่อไม้ และแผ่นไม้อัด


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/virginia-pine/

Table mountain Pine

ชื่อสามัญ:  Table Mountain Pine

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Pinus pungens

ถิ่นกำเนิด:  ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา (พื้นที่แถบเทือกเขา Appalachian เป็นหลัก)

ความสูงลำต้น: 50-60 ฟุต หรือ 15-20  เมตร

เส้นผ่าศูนย์กลาง: 1-2 ฟุต หรือ 0.3-0.6 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย:  36 lbf/ft3 (575 kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.49, 0.58

ความแข็ง : 730 lbf (3,250 N)

การแตกหัก : 11,600 lbf/in2 (80.0 Mpa)

การยืดหยุ่น:  1,550,000 lbf/in2 (10.69 Gpa)

แรงอัดแตก:  6,830 lbf/in2 (47.1 Mpa)

การหดตัว: Radial: 3.4%, Tangential: 6.8%, Volumetric: 10.9%, T/R Ratio: 2.0

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีน้ำตาลแดง กระพี้มีสีขาวอมเหลือง

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้หยาบปานกลาง

ความทนทาน: แก่นไม้มีความต้านทานการผุกร่อนในระดับปานกลางถึงต่ำ

ความสามารถในการใช้: โดยรวมแล้วไม้Table Mountain Pine  ทำงานได้ดีกับเครื่องมือส่วนใหญ่ แม้จะมียางติดเครื่องมือและกระดาษทราย ใช้ในงานกาวได้ดี

กลิ่น: มีกลิ่นยางเฉพาะที่ใช้ร่วมกันในไม้สกุล Pinus

การแพ้/ความเป็นพิษ: ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง หรืออาการคล้ายโรคหอบหืดในบางคน ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม้ Table Mountain Pineจำหน่ายและผสมกับสายพันธุ์อื่น ๆ เช่น Southern Yellow Pine ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในฐานะไม้ก่อสร้างในราคาย่อมเยา

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES และได้ถูกรายงานจาก IUCN ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: ไม้ Southern Yellow Pine สำหรับงานก่อสร้างหนัก เช่น สะพาน คาน เสา รางรถไฟ ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้ทำไม้อัด เยื่อไม้ และแผ่นไม้อัด


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/table-mountain-pine/

Mediterranean Cypress

ชื่อสามัญ:  Mediterranean Cypress, Italian Cypress

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Cupressus sempervirens

ถิ่นกำเนิด:  ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก

ความสูงลำต้น:  65-100 ฟุต หรือ 20-30 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 2-3 ฟุต หรือ 0.6-1 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 33 lbf/ft3 (535 kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.44, 0.54

ความแข็ง : 560 lbf (2,490 N)

การแตกหัก : 6,460 lbf/in2 (44.6 Mpa)

การยืดหยุ่น: 766,000 lbf/in2 (5.28 Gpa)

แรงอัดแตก:  ไม่พบข้อมูล

การหดตัว: ไม่พบข้อมูล

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีเหลืองอ่อนหรือสีน้ำตาลแดง กระพี้แคบมีสีซีดกว่าและมักจะแยกออกจากแก่นไม้อย่างชัดเจน

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้: เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง แต่บางครั้งอาจมีตาไม้ทำให้มีรูปแบบเสี้ยนเนื้อไม้ไม่ปกติได้ ผิวสัมผัสเนื้อไม้ละเอียดและมีความเงาเป็นธรรมชาติ

ความทนทาน: ทนทานต่อการผุผัง และมีต้านทานต่อการรุกรานของแมลง

ความสามารถในการใช้: โดยรวมแล้วง่ายต่อการใช้งานด้วยมือและเครื่องมือกล แต่บริเวณรอบๆ ตาไม้อาจทำให้เกิดปัญหาในการทำงานได้ มีรายงานว่าการดัดด้วยไอน้ำทำได้ยากกับไม้ชนิดนี้ ใช้กับงานกาว ทาสีและลงเคลือบเงาได้ดี

กลิ่น: ไม้ Cypress ส่วนใหญ่ในสกุล Cupressus มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

การแพ้/ความเป็นพิษ: แม้ว่าไม่ค่อยมีรายงานว่าเกิดการแพ้แบบรุนแรง แต่มีรายงานว่าทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตาและผิวหนัง หรือก่อให้เกิดผื่นแดงและปวดศีรษะได้ ดูบทความ  Wood Allergies and Toxicity และ Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม้ Mediterranean Cypress มักไม่ส่งออกเพื่อจำหน่าย มักใช้ในท้องถิ่นเพื่อใช้ในงานไม้ ราคาอยู่ในระดับปานกลางสำหรับไม้เนื้ออ่อนนำเข้า

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES แต่มีรายงานโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าใกล้จะถูกคุกคาม ในทางเทคนิคแล้วไม่ได้อยู่ใน Red List ของสายพันธุ์ที่ถูกคุกคามหรือใกล้สูญพันธุ์ แต่ใกล้จะผ่านคุณสมบัติที่จะเป็นพืชที่ถูกคุกคามอนาคตอันใกล้นี้

การใช้งานทั่วไป: ไม้อเนกประสงค์ เสารั้ว เครื่องดนตรี (กีตาร์ฟลาเมงโก) เฟอร์นิเจอร์ การต่อเรือ และงานกลึง


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/mediterranean-cypress/

Bald Cypress

ชื่อสามัญ:  Bald cypress, swamp cypress, sinker cypress, pecky cypress, and tidewater red cypress

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Taxodium distichum

ถิ่นกำเนิด:  ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา

ความสูงลำต้น:  80-120 ฟุต หรือ 24-37 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 3-5 ฟุต หรือ 1-1.5 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 32.0 lbf/ft3 (515 kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.42, 0.51

ความแข็ง : 510 lbf (2,270 N)

การแตกหัก : 10,600 lbf/in2 (73.1 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,440,000 lbf/in2 (9.93 Gpa)

แรงอัดแตก:  6,360 lbf/in2 (43.9 Mpa)

การหดตัว: Radial: 3.8%, Tangential: 6.2%,

Volumetric: 10.5%, T/R Ratio: 1.6

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: สีมักจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง กระพี้เกือบเป็นสีขาว ไม้บางชิ้นอาจมีช่องสีดำและโพรงที่ไม้ถูกเชื้อราเข้าทำลาย ซึ่งเรียกว่า pecky cypress นอกจากนี้มีไม้บางส่วนของต้นไซเปรสที่อายุมากๆซึ่งกู้มาจากก้นแม่น้ำ เรียกว่า sinker cypress มักจะมีสีแก่นไม้ที่มีโทนสีอุ่นกว่าและเข้มกว่าเล็กน้อย

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้: เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง ผิวสัมผัสเนื้อไม้หยาบปานกลางจนถึงหยาบ พื้นผิวไม้ที่ยังไม่ได้ลงสีเคลือบจะให้ความรู้สึกมันวาว

ความทนทาน: ไม้ Bald cypress ที่มีอายุเก่าแก่ได้รับการจัดอันดับว่าทนทานถึงทนทานมากในแง่ของความต้านทานการผุกร่อน ในขณะที่ไม้จากต้นไม้อายุน้อยได้รับการจัดอันดับว่าทนทานปานกลางเท่านั้น

ความสามารถในการใช้: แนะนำให้ใช้ใบมีดที่คมเพื่อหลีกเลี่ยงการฉีกขาด นอกจากนี้บางแหล่งรายงานว่าไม้มีผลทำให้คมตัดทื่อในระดับปานกลาง ไม้ Bald Cypress มีคุณสมบัติในการติดกาว การตอกตะปู การตกแต่ง และการยึดสีที่ดี

กลิ่น: ไม้ Bald cypress มีกลิ่นที่ค่อนข้างเปรี้ยวในขณะที่กำลังทำงาน

การแพ้/ความเป็นพิษ: แม้ว่าปฏิกิริยารุนแรงจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ไม้ Bald cypress ได้รับการรายงานว่าเป็นสารกระตุ้นอาการแพ้ โดยปกติแล้วปฏิกิริยาที่พบบ่อยที่สุดคือการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ดูบทความ  Wood Allergies and Toxicity และ Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ราคาควรอยู่ในระดับกลางสำหรับไม้ในประเทศ โดยแผ่นไม้เรียบไร้ปมสำหรับงานไม้จะมีราคาสูงกว่าไม้เกรดก่อสร้าง นอกจากนี้ ไม้แปรรูปชนิดพิเศษ เช่น ไม้ cypress สำหรับทำอ่างล้างจานหรือไม้ pecky cypress  มีราคาสูงกว่ามาก

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES และมีรายงานโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่มีความน่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: การก่อสร้างภายนอก เฟอร์นิเจอร์ภายนอก ท่าเทียบเรือ การต่อเรือ ตกแต่งภายใน และไม้อัด


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/bald-cypress/

Coast red

ชื่อสามัญ:  Redwood, Sequoia, Coast Redwood, California Redwood, Vavona (burl)

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Sequoia sempervirens

ถิ่นกำเนิด:  แถบชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา จากตะวันตกเฉียงใต้ของโอเรกอนถึงตอนกลางของแคลิฟอร์เนีย

ความสูงลำต้น: 200-300 ฟุต หรือ 60-90 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 6-12 ฟุต หรือ 1.8-3.7 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 26 lbf/ft3 (415 kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.36, 0.42

ความแข็ง : 450 lbf (2,000 N)

การแตกหัก : 8,950 lbf/in2 (61.7 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,220,000 lbf/in2 (8.41 Gpa)

แรงอัดแตก:  5,690 lbf/in2 (39.2 Mpa)

การหดตัว: Radial: 2.4%, Tangential: 4.7%, Volumetric: 6.9%, T/R Ratio: 2.0

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: สีแก่นไม้มีตั้งแต่สีน้ำตาลอมชมพูอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลแดงเข้ม กระพี้เป็นสีขาวซีดหรือเหลือง เสี้ยนเนื้อไม้รูปร่างโค้งหรือมีสีแดงที่บางครั้งเรียกว่า "ลูกไม้" หรือตามชื่อ Vavona) มีให้เห็นเป็นครั้งคราว

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้: เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรงหรือเป็นเสี้ยนคลื่นในบางครั้ง ผิวสัมผัสเนื้อไม้หยาบและมีความมันวาวเล็กน้อย

ความทนทาน: มีความทนทานปานกลางถึงทนทานมากต่อการผุพัง ไม้จากต้นไม้ที่มีอายุมากมีแนวโน้มที่จะทนทานกว่าไม้จากต้นไม้ที่อายุน้อยกว่า

ความสามารถในการใช้: โดยทั่วไปแล้วง่ายต่อการทำงานด้วยเครื่องมือช่างหรือเครื่องจักร แต่อาจเกิดรอยได้กับบริเวณเสี้ยนเนื้อไม้คลื่นที่ไม่สม่ำเสมอ ใช้ในงานกาวและการเคลือบสีได้ดี

กลิ่น: มีกลิ่นเฉพาะตัวเมื่อใช้งาน

การแพ้/ความเป็นพิษ: แม้ว่าไม่ค่อยมีรายงานว่าเกิดการแพ้แบบรุนแรง แต่มีรายงานว่าเป็นสารกระตุ้นอาการแพ้ โดยปกติแล้วอาการที่พบบ่อยที่สุดคือการระคายเคืองต่อดวงตา ผิวหนัง และทางเดินหายใจรวมถึงอาการคล้ายโรคหอบหืด ดูบทความ  Wood Allergies and Toxicity และ Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม้แปรรูปควรอยู่ในช่วงราคากลางถึงสูง แม้ว่าไม้แปรรูปที่โปร่งหรือมีรูปทรงจะมีราคาสูงกว่ามาก

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES แต่มีรายงานโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเนื่องจากการลดลงประมาณ 40% ในสามชั่วอายุที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากการลดลงของธรรมชาติ

การใช้งานทั่วไป: ไม้วีเนียร์ ไม้ก่อสร้าง คาน เสา พื้นระเบียง เฟอร์นิเจอร์ภายนอก และการตกแต่งต่างๆ ยังถูกใช้ในงานกลึง เครื่องดนตรี และสินค้าพิเศษขนาดเล็กอื่นๆ อีกด้วย


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/coast-redwood/

Western red Cedar

ชื่อสามัญ:  Western red cedar, giant arborvitae

ชื่อวิทยาศาสตร์:  Thuja plicata

ถิ่นกำเนิด:  ฝั่งแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

ความสูงลำต้น: สูง 165-200 ฟุต หรือ 50-60 เมตร

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 7-13 ฟุต หรือ 2-4 เมตร

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 23.0 lbf/ft3 (370 kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.31, 0.37

ความแข็ง : 350 lbf (1,560 N)

การแตกหัก : 7,500 lbf/in2 (51.7 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,110,000 lbf/in2 (7.66 Gpa)

แรงอัดแตก:  4,560 lbf/in2 (31.4 Mpa)

การหดตัว: Radial: 2.4%, Tangential: 5%,

Volumetric: 6.8%, T/R Ratio: 2.1

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีแดงถึงน้ำตาลอมชมพู มักมีลายริ้วแบบสุ่มและมีสีแดงหรือน้ำตาล กระพี้แคบมีสีขาวอมเหลืองอ่อน และไม่ได้แยกออกจากแก่นไม้อย่างชัดเจน

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้: เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง ผิวสัมผัสเนื้อไม้หยาบและมีความมันวาวเป็นธรรมชาติ

ความทนทาน: ไม้ Western red cedar ได้รับการจัดอันดับว่าทนทานถึงทนทานมากในแง่ของการต้านทานการผุผัง แต่จะมีความต้านทานต่อการรุกรานของแมลงระดับปานกลาง

ความสามารถในการใช้: ง่ายต่อการทำงานด้วยเครื่องมือทั้งแบบมือและแบบเครื่องจักร แม้ว่ามันจะเกิดรอยบุบและรอยขีดข่วนได้ง่ายมากเนื่องจากเป็นไม้เนื้ออ่อน และจะขัดทรายได้ไม่สม่ำเสมอเนื่องจากความแตกต่างของความหนาแน่นระหว่างเนื้อไม้ส่วนด้านนอกและด้านใน ใช้ในงานกาวและเคลือบเงาได้ดี หากใช้ตัวยึดที่เป็นเหล็กอาจทำให้ไม้เป็นคราบและเปลี่ยนสีได้ โดยเฉพาะเมื่อมีความชื้น

กลิ่น: มีกลิ่นหอมแรงและจะยังคงอยู่เมื่อใช้งาน

การแพ้/ความเป็นพิษ: แม้ว่าไม่ค่อยมีรายงานว่าเกิดการแพ้แบบรุนแรง แต่มีรายงานว่าเป็นสารกระตุ้นอาการแพ้ โดยปกติแล้วอาการที่พบบ่อยที่สุดคือการระคายเคืองต่อดวงตา ผิวหนัง และทางเดินหายใจ หรืออาการน้ำมูกไหล อาการคล้ายโรคหอบหืด และส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ดูบทความ  Wood Allergies and Toxicity และ Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: มีราคาไม่แพงสำหรับไม้เกรดก่อสร้าง แต่ไม้เนื้อละเอียด เรียบ หรือไม้เกรดสูงอาจมีราคาแพงกว่า

ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES และมีรายงานโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่มีความน่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: หลังคาชิงเกิ้ลรูฟ ผนังภายนอกและไม้สำหรับงานก่อสร้าง การต่อเรือ กล่อง ลังไม้ และเครื่องดนตรี


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/western-red-cedar/

Port Orford Cedar

ชื่อสามัญ: Port Orford Cedar, Lawson's Cypress

ชื่อวิทยาศาสตร์: Chamaecyparis lawsoniana

ถิ่นกำเนิด: แปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา

ความสูงลำต้น: 150-200 ฟุต (45-60 ม.)

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 4-6 ฟุต (1.2-1.8 ม.)

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 29 lbf/ft3 (465 kg/m3 )

ความถ่วงเฉพาะ : 0.39, 0.47

ความแข็ง : 590 lbf (2,620N)

การแตกหัก : 12,290 lbf/in2 (84.8 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,646,000 lbf/in2 (11.35 Gpa)

ความสามารถในการบด: 6,080 lbf/in2 (41.9 Mpa)

การหดตัว: Radial: 4.6%, Tangential: 6.9%, Volumetric: 10.1%, T/R Ratio: 1.5

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีน้ำตาลอมเหลืองอ่อน กระพี้มีสีเหลืองอมน้ำตาลซีดจนเกือบขาว และลักษณะไม่ค่อยแตกต่างจากแก่นไม้ สีมีแนวโน้มที่จะเข้มขึ้นตามอายุเมื่อได้รับแสงส่องมาก (แม้ว่าเมื่อปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้งจะกลายเป็นสีเทา)

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  บางครั้งใช้ไม้ Port Orford Cedar สำหรับทำเพลาลูกธนู และเสี้ยนเนื้อไม้จะ "ตรงเหมือนลูกธนู" ไม้มีเนื้อสัมผัสหยาบปานกลางถึงละเอียด

ความทนทาน: มีรายงานว่าไม้ชนิดนี้มีความทนทานถึงทนทานมากเกี่ยวกับการสลายตัว และยังทนทานต่อการโจมตีของแมลงส่วนใหญ่อีกด้วย (มีรายงานว่ามีความทนทานต่อการกัดกร่อนของกรดได้ดี)

ความสามารถในการใช้: ใช้งานง่ายทั้งการทำด้วยมือและการใช้ด้วยเครื่องมือ ยึดเกาะสีได้ดี ใช้ในงานกาวได้ดี

กลิ่น: ไม้ Port Orford Cedar มีกลิ่นฉุนคล้ายขิง

การแพ้/ความเป็นพิษ: ไม้ Port Orford Cedar ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง น้ำมูกไหล และอาการคล้ายโรคหอบหืดในบางคน เนื่องจากการสูดดมขี้เลื่อยเป็นเวลานานและต่อเนื่องทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับไต ผู้ปฏิบัติงานจำนวนมากสวมหน้ากากอนามัยเมื่อทำงานกับ ไม้ Port Orford Cedar ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: เนื่องจากการเติบโตของไม้ชนิดนี้มีจำนวนที่จำกัด ความต้องการของไม้ Port Orford Cedar มักจะเกินในการจัดกา คาดว่าจะมีจำหน่ายจำนวนจำกัด และราคาจะสูงมากสำหรับไม้เนื้ออ่อนในประเทศ ไม้ซุงจำนวนมากถูกส่งออกไปญี่ปุ่นเพื่อใช้ในภาชนะไม้ ของเล่น และของแปลกใหม่อื่นๆ รวมถึงใช้ซ่อมแซมและก่อสร้างในบ้าน ศาลเจ้า และวัด

ความยั่งยืน:  ไม้ชนิดนี้ไม่ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES และได้ถูกรายงานจาก IUCN ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: เพลาลูกธนู เครื่องดนตรี (ซาวด์บอร์ดบนกีตาร์) การต่อเรือ พื้นระเบียง และงานภายในต่างๆ


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/port-orford-cedar/

Northern white Cedar

ชื่อสามัญ: Northern white cedar, Eastern arborvitae

ชื่อวิทยาศาสตร์: Thuja occidentalis

ถิ่นกำเนิด: อเมริกาเหนือตะวันออกเฉียงเหนือ

ความสูงลำต้น: 50-65 ฟุต( 15-20 ม.)

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 1.3-2 ฟุต(.4-.6 ม.)

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 22.0 lbf/ft3 (350 kg/m 3 )

ความถ่วงเฉพาะ :  0.29, 0.35

ความแข็ง : 320 lbf  1,420 N

การแตกหัก:: 6,500 lbf/in2 (44.8 Mpa)

การยืดหยุ่น: 800,000 lbf/in2 (5.52 Gpa)

แรงอัดแตก: 3,960 lbf/in2 (27.3 Mpa)

การหดตัว: Radial: 2.2%, Tangential: 4.9%,

Volumetric: 7.2%, T/R Ratio: 2.2

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีน้ำตาลแดงอ่อน กระพี้ที่ค่อนข้างแคบและไม่ได้แบ่งเขตอย่างชัดเจนหรือชัดเจนจากแก่นไม้เสมอไป ปมไม้เล็กๆจำนวนมากซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในบางชิ้นไม้

เสี้ยนเนื้อไม้/เนื้อสัมผัส: เสี้ยนเนื้อไม้มักจะตรง เนื้อละเอียดสม่ำเสมอและมีความมันวาวของไม้ปานกลาง

ความทนทาน: ได้รับการจัดอันดับว่าทนทานถึงทนทานมากเกี่ยวกับความต้านทานการผุกร่อน ยังทนทานต่อปลวกอีกด้วยและแมลงปีกแข็งอีกด้วย

ความสามารถในการใช้: ลักษณะการนำไปใช้งานใช้ได้ง่ายทั้งการทำโดยใช้มือและเครื่องมือ อย่างไรก็ตามไม้ชนิดนี้เป็นไม้อ่อนถึงอ่อนมากเมื่อนำไปใช้กับสกรูจะใช้ได้ไม่ดี นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะขัดด้วยกระดาษทรายไม่สม่ำเสมอเนื่องจากความแตกต่างของความหนาแน่นระหว่างโซนไม้ต้นและไม้ปลาย ใช้กับงานกาวและยึดเกาะสีได้ดี

กลิ่น: ไม้ Northern white cedarกลิ่นคล้ายไม้ซีดาร์ที่ชัดเจนแต่กลิ่นค่อนข้างอ่อนเมื่อนำมาใช้งาน

การแพ้/ความเป็นพิษ: แม้ว่าปฏิกิริยาจะไม่รุนแรงนัก แต่มีรายงานว่าไม้ Northern white cedarทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง น้ำมูกไหล และอาการคล้ายโรคหอบหืด ซึ่งไม้ชนิดนี้มีส่วนประกอบด้วยกรด plicatic ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม้ชนิดนี้ทำให้เกิดโรคหอบหืดจากการนำไม้ชนิดนี้ไปใช้งานเพราะผู้ใช้ทำการสัมผัสกับฝุ่นไม้เป็นเวลานาน ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: มีขายทั่วไป ส่วนมากมักจะนำไปแปรรูป เช่น เสารั้ว สำหรับราคาไม้เนื้ออ่อนชนิดนี้อยู่ในระดับราคาปานกลางสำหรับไม้เนื้ออ่อนในประเทศ

ความยั่งยืน: พันธุ์ไม้นี้ไม่ได้จัดอยู่ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญา (CITES)และรายงานโดย IUCN ว่าเป็นไม้ที่มีความกังวลในการสูญพันธุ์น้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: รั้ว เสา เสาเข็ม เรือแคนู เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง และกระดาษที่ทำจากไม้เนื้ออ่อน (เยื่อกระดาษ)


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/northern-white-cedar/

Incense Cedar

ชื่อสามัญ: Incense Cedar, California White Cedar

ชื่อวิทยาศาสตร์: Calocedrus decurrens (syn. Libocedrus decurrens)

การกระจายพันธุ์: อเมริกาเหนือตะวันตก (แคลิฟอร์เนียเป็นหลัก)

ขนาดต้นไม้: สูง 65-100 ฟุต (20-30 ม.)

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 3-5 ฟุต (1-1.5 ม.)

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 24 lbf/ft3 (385 kg/m3 )

ความถ่วงเฉพาะ : 0.35, 0.38

ความแข็ง : 470 lbf  (2,090 N)

การแตกหัก : 8,000 lbf/in 2 (55.2 Mpa)

การยืดหยุ่น: 1,040,000 lbf/in2 (7.17 Gpa)

แรงอัดแตก: 5,200 lbf/in 2 (35.9 Mpa)

การหดตัว: Radial: 3.3%, Tangential: 5.2%, Volumetric: 7.7%, T/R Ratio: 1.6

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีน้ำตาลแดงอ่อนเกือบเข้ม กระพี้มีความแตกต่างจากไม้เนื้อแข็งและมีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีขาวนวล  ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พบไม้กระดานไม้ที่ผุบางส่วนเนื่องจากการโจมตีของเชื้อรา

เสี้ยนเนื้อไม้/เนื้อสัมผัส: เสี้ยนเนื้อไม้เป็นแนวตรงโดยมีพื้นผิวเนื้อไม้ละเอียดปานกลาง

ความทนทาน: แม้จะพบการผุพังของเชื้อรา (บางครั้งเรียกว่า "Cedar pecky") ไม้ชนิดนี้ได้รับการจัดอันดับว่ามีความคงทนและมีความต้านทานการผุกร่อน และด้วยเหตุนี้บางครั้งไม้ก็ถูกนำมาใช้ทำเสารั้ว

ความสามารถในการใช้: ง่ายต่อการทำงานด้วยมือและใช้เครื่องมือและยึดเกาะสีได้ดีมาก

กลิ่น: ไม้ Incense Cedar เป็นหนึ่งในไม้หลักที่ใช้ทำดินสอ และมีกลิ่นฉุนคล้ายกับดินสอไม้

การแพ้/ความเป็นพิษ: แม้ว่าปฏิกิริยาของไม้ชนิดนี้จะไม่รุนแรง แต่มีรายงานว่าไม้ Incense Cedar ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ราคาน่าจะอยู่ในระดับปานกลางสำหรับสายพันธุ์ในประเทศ

ความยั่งยืน: พันธุ์ไม้นี้ไม่ได้จัดอยู่ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญา (CITES)และรายงานโดย IUCN ว่าเป็นไม้ที่มีความกังวลในการสูญพันธุ์น้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: ดินสอ มู่ลี่ไม้ เสารั้ว ไม้ก่อสร้าง ผนัง การใช้งานเฟอร์นิเจอร์ภายนอก


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/incense-cedar/

Atlas Cedar

ชื่อสามัญ:  Cedar, Atlas,

ชื่อวิทยาศาสตร์: Cedrus atlantica

การกระจายพันธุ์: พื้นที่ภูเขาของโมร็อกโกและแอลจีเรีย (เทือกเขา Atlas และ Rif)

ขนาดต้นไม้: สูง 65-115 ฟุต (20-35 ม.)

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 3-5 ฟุต (1-1.5 ม.)

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย:  33.0 lbf/ft3 (530 kg/m3)

ความถ่วงเฉพาะ : 0.44, 0.53

ความแข็ง :   660 lbf (2,940 N)

การแตกหัก :  12,640 lbf/in2 (87.2 Mpa)

การยืดหยุ่น:  1,419,000 lbf/in2 (9.78 Gpa)

ความสามารถในการบด:  6,580 lbf/in2 (45.4 Mpa)

การหดตัว: Radial: 4.4%, Tangential: 6.2%,Volumetric: 10.8%, T/R Ratio: 1.4

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้เป็นสีฟางจนถึงสีน้ำตาลแดงอ่อน กระพี้แคบมีสีขาวอมเหลือง ไม้อาจมีปมขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กับแหล่งการเจริญเติบโต

เสี้ยนเนื้อไม้/เนื้อสัมผัส: โดยทั่วไป เสี้ยนเนื้อไม้จะมีลักษณะตรง แม้ว่ารอยของเปลือกไม้อาจทำให้ลายไม้ไม่สวยงาม เนื้อสัมผัสอาจมีความหยาบและมีความมันวาวตามธรรมชาติเล็กน้อยถึงปานกลาง

ความทนทาน: ได้รับการจัดอันดับว่ามีความทนทานมาก มีความต้านทานแมลงและหนอนเจาะ

ความสามารถในการใช้: ง่ายต่อการทำงานด้วยมือและเครื่องจักร แม้ว่าปมไม้และบริเวณเสี้ยนไม้ที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้เกิดปัญหาในการตัด ใช้งานได้กับงานกลึง งานกาวได้ดี

กลิ่น: มีกลิ่นหอมหวาน

การแพ้/ความเป็นพิษ: แม้ว่าปฏิกิริยาจะไม่รุนแรงมากนัก แต่มีรายงานว่าไม้ cedar of Lebanonทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและทางเดินหายใจ รวมถึงอาการน้ำมูกไหลและอาการคล้ายโรคหอบหืด  ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม่มีจำหน่ายทั่วไปในอเมริกาเหนือ ต้นไม้หรือไม้ประดับที่เสียหายจากพายุบางครั้งจะถูกเก็บและนำ ไปขายทำเป็นเรือขนาดเล็กและไม้กลึง ส่วนในยุโรปมีการจำหน่ายที่ดีกว่า โดยที่ท่อนซุงจะถูกแปรรูปเป็นท่อนไม้ที่ใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับแผ่นไม้อัด ราคาคาดว่าจะสูงกว่าไม้เนื้ออ่อนที่ใช้ในการก่อสร้างเชิงพาณิชย์

ความยั่งยืน: พันธุ์ไม้นี้ไม่ได้จัดอยู่ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญา (CITES)แต่ถูกประเมินให้อยู่ในสถานภาพความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในโลกโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List)เนื่องจากมีการลดจำนวนของไม้ลงกว่า 50% ในสามชั่วอายุคนที่ผ่านมาซึ่งเกิดจากการลดลงตามธรรมชาติและการแสวงหาผลประโยชน์

การใช้งานทั่วไป: วีเนียร์, ตู้เก็บของ, การก่อสร้างอาคาร, กล่อง/หีบ และงานกลึง


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/atlas-cedar/

Atlantic white Cedar

ชื่อสามัญ: Atlantic White Cedar, Southern White Cedar

ชื่อวิทยาศาสตร์: Chamaecyparis thyoides

การกระจายพันธุ์: บริเวณที่ราบชายฝั่งทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

ขนาดต้นไม้: สูง 65-100 ฟุต (20-30 ม.)

เส้นผ่านศูนย์กลาง: 1-2 ฟุต (.3-.6 ม.)

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 24 lbf/ft 3 (380 kg/m 3 )

ความถ่วงเฉพาะ : .31, .38

ความแข็ง :  350 lbf (1,560 N)

การแตกหัก :  6,800 lbf/in 2 (46.9 Mpa)

การยืดหยุ่น: 930,000 lbf/in 2 (6.41 Gpa)

ความสามารถในการบด: 4,700 lbf/in 2 (32.4 Mpa)

การหดตัว: Radial: 2.9%, Tangential: 5.4%, Volumetric: 8.8%, T/R Ratio: 1.9

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีน้ำตาลแดงอ่อน กระพี้แคบมีสีน้ำตาลเหลืองซีดจนเกือบขาวและแยกออกจากแก่นไม้อย่างชัดเจน

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง มีผิวสัมผัสเนื้อไม้ละเอียด

ความทนทาน: มีรายงานว่าทนทานถึงทนทานมากเกี่ยวกับความต้านทานการสลายตัว

ความสามารถในการใช้: ง่ายต่อการทำงานด้วยเครื่องมือทั้งแบบมือและแบบเครื่องจักร ยึดเกาะสีได้ดี ใช้กับงานกาว งานย้อมสีได้ดี

กลิ่น:  ไม้ Atlantic White Cedar มีกลิ่นคล้ายไม้ Cedar

การแพ้/ความเป็นพิษ: ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนังและ/หรืออาการคล้ายโรคหอบหืดในบางคน ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: เนื่องจากช่วงการเจริญเติบโตที่จำกัดและขนาดต้นที่ค่อนข้างเล็ก ไม้Atlantic White Cedar จึงมีราคาแพงกว่าต้นสนอื่นๆ ส่วนใหญ่ในภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงกลางถึงสูงสำหรับไม้เนื้ออ่อนในประเทศ

ความยั่งยืน:  ไม้ชนิดนี้ไม่ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES และได้ถูกรายงานจาก IUCN ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: ต่อเรือ แกะสลัก ผนัง หลังคา และไม้ก่อสร้าง


อ้างอิง

Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/atlantic-white-cedar/

Alaskan yellow Cedar

ชื่อสามัญ: Alaskan Yellow Cedar, Nootka Cypress

ชื่อวิทยาศาสตร์: Cupressus nootkatensis*

*สายพันธุ์นี้ได้รับการจัดประเภทใหม่หลายครั้ง

การกระจายพันธุ์: ชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ

ขนาดต้นไม้: สูง 100-120 ฟุต (30-37 ม.) เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 4-6 ฟุต (1.2-1.8 ม.)

น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 31 lbs/ft 3 (495 kg/m 3 )

ความถ่วงเฉพาะ : 0.42, 0.50

ความแข็ง : 580 lbf (2,580 N)

การแตกหัก : 11,100 lb f /in 2 (76.6 MPa)

การยืดหยุ่น: 1,420,000 lb f /in 2 (9.79 GPa)ความสามารถในการบด: 6,310 lb f /in 2 (43.5 MPa)

การหดตัว: Radial: 2.8%, Tangential: 6.0%, Volumetric: 9.2%, T/R Ratio: 2.1

*หน่วย

lbf/in2 = ปอนต่อตารางนิ้ว

lbs/ft3 = ปอนต่อลูกบาศก์ฟุต

kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สี/ลักษณะ: แก่นไม้มีสีเหลืองอ่อน กระพี้มีสีขาวหรือเหลืองซีดคล้ายกัน และไม่แตกต่างจากแก่นไม้ สีมีแนวโน้มที่จะเข้มขึ้นตามอายุเมื่อได้รับแสง (แม้ว่าเมื่อปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง อากาศจะกลายเป็นสีเทา)

เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้:  เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรงแม้ว่าบางครั้งจะเป็นคลื่น   มีผิวสัมผัสเนื้อไม้หยาบปานกลางถึงละเอียด

ความทนทาน: ทนทานถึงทนทานมากเกี่ยวกับความต้านทานการสลายตัว และยังทนทานต่อการรุกรานของแมลงอีกด้วย

ความสามารถในการใช้: ง่ายต่อการทำงานด้วยเครื่องมือทั้งแบบมือและแบบเครื่องจักรแม้ว่าชิ้นงานที่มีเสี้ยนไม้เป็นคลื่นอาจทำให้เกิดการฉีกขาดระหว่างการไส ยึดเกาะสีได้ดี ใช้กับงานกาว งานย้อมสีได้ดี

กลิ่น:  ไม้ Alaskan Yellow Cedar มีกลิ่นที่คล้ายกับมันฝรั่งดิบ

การแพ้/ความเป็นพิษ: ไม้ Alaskan Yellow Cedar ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนังและ/หรืออาการคล้ายโรคหอบหืดในบางคน ดูบทความ Wood Allergies และ Toxicity Wood Dust Safety สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ราคา/การมีอยู่: ไม้ชนิดนี้มีจำนวนจำกัด คาดว่าราคาจะสูงสำหรับสายพันธุ์ในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชิ้นส่วนที่ไม่มีปม/ตาไม้

ความยั่งยืน:  ไม้ชนิดนี้ไม่ถูกจัดให้อยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ CITES และได้ถูกรายงานจาก IUCN ว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การใช้งานทั่วไป: การแกะสลัก การต่อเรือ ผนัง พื้น พื้นระเบียง เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง เครื่องดนตรี (ฟลุต ซาวด์บอร์ดบนกีตาร์) กล่อง/ลัง และการก่อสร้างต่างๆ