Cashew
ต้นมะม่วงหิมพานต์ หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อภาษาอังกฤษว่า Cashew (Anacardium occidentale) เป็นไม้ที่มีคุณค่าในด้านการเกษตร เศรษฐกิจ และยังเป็นส่วนสำคัญในระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ต้นมะม่วงหิมพานต์ไม่ได้เป็นเพียงไม้ผลที่ให้เมล็ดที่เป็นอาหารอันเป็นที่นิยมของคนทั่วโลก แต่ยังเป็นต้นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งให้ประโยชน์ต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
แหล่งกำเนิดและที่มาของต้นมะม่วงหิมพานต์
ต้นมะม่วงหิมพานต์มีแหล่งกำเนิดในภูมิภาคแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในประเทศบราซิล แถบพื้นที่ชายฝั่งในประเทศนี้เป็นแหล่งที่พบต้นมะม่วงหิมพานต์ตามธรรมชาติในครั้งแรก ต่อมา ต้นมะม่วงหิมพานต์ได้แพร่กระจายไปยังหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยผ่านการค้าขายและการแลกเปลี่ยนพืชพันธุ์กับประเทศต่างๆ ในช่วงศตวรรษที่ 16 ชาวโปรตุเกสได้นำต้นมะม่วงหิมพานต์ไปปลูกในอินเดีย เพื่อใช้เป็นแหล่งอาหารและผลิตเมล็ดที่ใช้เป็นสินค้าส่งออก ส่งผลให้มะม่วงหิมพานต์แพร่หลายไปยังแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ของต้นไม้ชนิดนี้ ในปัจจุบัน ประเทศอินเดียและแอฟริกาเป็นแหล่งผลิตและส่งออกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ของโลก ขณะที่ประเทศไทยยังมีการปลูกมะม่วงหิมพานต์ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ
ขนาดและลักษณะของต้นมะม่วงหิมพานต์
ต้นมะม่วงหิมพานต์มีลักษณะของไม้ยืนต้นสูงประมาณ 5-15 เมตร ซึ่งอาจสูงได้ถึง 20 เมตรในบางสภาพแวดล้อม ใบมีสีเขียวเข้มเป็นรูปไข่ยาวเล็กน้อย และออกดอกเป็นช่อที่มีสีเหลืองหรือสีชมพูอ่อน เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่นำมาบริโภคคือส่วนหนึ่งของผลที่มีลักษณะคล้ายถั่ว และเรียกว่าผลมะม่วงหิมพานต์ หรือ Cashew Nut โดยมีรสชาติหอมมันและเป็นที่นิยมทั่วโลก ตัวผลที่ออกมาพร้อมกับเมล็ดจะมีเนื้อผลคล้ายลูกแพร์และสีส้มแดงที่โดดเด่น เรียกว่า Cashew Apple หรือมะม่วงหิมพานต์ปลอม ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นอาหารหรือผลิตเป็นเครื่องดื่มและน้ำส้มสายชูที่มีรสเปรี้ยวและหอมเฉพาะตัว
ประวัติความสำคัญของต้นมะม่วงหิมพานต์
ต้นมะม่วงหิมพานต์มีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของหลายภูมิภาค ในช่วงศตวรรษที่ 16 จนถึงศตวรรษที่ 18 ต้นมะม่วงหิมพานต์ถูกนำไปปลูกในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และเข้ากับสภาพภูมิอากาศของพืชเขตร้อน เช่น อินเดียและบางประเทศในแอฟริกา ซึ่งยังคงเป็นแหล่งผลิตเมล็ดมะม่วงหิมพานต์หลักของโลกจนถึงปัจจุบัน ในประเทศไทย ต้นมะม่วงหิมพานต์ถูกนำเข้ามาปลูกโดยเริ่มแรกเป็นการทดลองในบางพื้นที่ ก่อนที่จะขยายไปในบางจังหวัดทางภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดชุมพร ระนอง และตรัง นอกจากนี้ในหลายประเทศในแถบแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มีการปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการในตลาดต่างประเทศที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารทั้งประเภทคาวและหวาน รวมถึงนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ยา และเครื่องสำอางอีกด้วย
การอนุรักษ์ต้นมะม่วงหิมพานต์และสถานะไซเตส
ต้นมะม่วงหิมพานต์จัดเป็นพืชที่อยู่ในความสนใจขององค์กรอนุรักษ์ต่างๆ เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมการเกษตรส่งผลกระทบต่อการตัดไม้ทำลายป่าและการสูญเสียที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ระบบนิเวศของต้นมะม่วงหิมพานต์ถูกทำลายไปตามลำดับ ในด้านของไซเตส (CITES) หรือนานาชาติว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบัน ต้นมะม่วงหิมพานต์ยังไม่ได้อยู่ในรายการไซเตสเนื่องจากยังไม่ถึงจุดเสี่ยงสูญพันธุ์ แต่มีการติดตามอย่างใกล้ชิดโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์ เนื่องจากการขยายตัวของพื้นที่เพาะปลูกเชิงพาณิชย์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไป ทำให้มีการพิจารณาถึงการอนุรักษ์และการปลูกทดแทน เพื่อรักษาระบบนิเวศและแหล่งทรัพยากรที่มีความสำคัญนี้