Candelnut
ต้นเทียนไข (Candlenut) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ Aleurites moluccanus เป็นไม้ยืนต้นที่มีความสำคัญและมีประโยชน์ในหลายด้าน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดและแพร่พันธุ์เดิม ต้นเทียนไขมีความโดดเด่นทั้งในแง่การใช้ประโยชน์จากเมล็ด น้ำมัน สารเคมีจากเปลือกและรากของต้น ซึ่งนำมาใช้ในอาหาร ยารักษาโรค เครื่องสำอาง รวมถึงงานหัตถกรรมหลากหลายชนิด
ชื่อเรียกและแหล่งกำเนิด
ต้นเทียนไขมีชื่อเรียกหลากหลายตามภูมิภาคต่าง ๆ เช่น Kukui (ฮาวาย), Lumbang (ฟิลิปปินส์), Kamiri (อินโดนีเซีย) และ Buah keras (มาเลเซีย) เป็นต้น คำว่า “เทียนไข” นั้นมีที่มาจากคุณสมบัติของเมล็ดที่มีน้ำมันมาก เมล็ดนี้สามารถนำมาใช้จุดไฟได้เหมือนเทียน จึงเป็นที่มาของชื่อ Candlenut หรือ Kukui nut ในภาษาอังกฤษ ต้นกำเนิดของต้นเทียนไขเชื่อกันว่ามาจากพื้นที่หมู่เกาะโมลุกกะ (Moluccas) ในอินโดนีเซีย และแพร่พันธุ์ต่อมาในภูมิภาคอื่น ๆ ของเอเชียแปซิฟิก เช่น ฮาวาย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินเดีย
ลักษณะของต้นเทียนไข
ต้นเทียนไขเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นมีลักษณะเปลือกเรียบ สีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน ใบมีรูปทรงแบบไข่หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลมมีขนละเอียด มีก้านใบยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ดอกของต้นเทียนไขจะมีสีขาวนวล และผลลักษณะกลมเมื่อผลสุกจะมีสีน้ำตาลหรือสีดำ เมล็ดของผลเทียนไขมีลักษณะคล้ายถั่ว มีน้ำมันอยู่ภายในจำนวนมาก
ประวัติศาสตร์การใช้ประโยชน์ของต้นเทียนไข
ต้นเทียนไขมีการใช้ประโยชน์ในหลายวัฒนธรรมมายาวนาน โดยเฉพาะในฮาวายและอินโดนีเซีย เมล็ดของต้นเทียนไขถูกนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานในการจุดไฟหรือเป็นน้ำมันปรุงอาหาร ในบางวัฒนธรรม เมล็ดเทียนไขยังถูกใช้เป็นเครื่องประดับหรือในพิธีกรรมต่างๆ เช่นในฮาวาย ผู้คนใช้เมล็ดของต้นเทียนไขมาทำเครื่องประดับแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า lei และยังนำมาผลิตเป็นน้ำมัน Kukui ซึ่งใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผม น้ำมัน Kukui มีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพผิวและช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ ในด้านการรักษาโรค ต้นเทียนไขถูกใช้ในยาพื้นบ้านหลายชนิด ใบและเมล็ดถูกนำมาใช้เป็นยาแก้ปวด ลดอาการอักเสบ รักษาผิวหนังแพ้หรือแผลสด ทั้งยังมีการนำรากและเปลือกไปสกัดเป็นสารช่วยรักษาโรคต่างๆ และยังสามารถใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ
ความสำคัญทางเศรษฐกิจและการอนุรักษ์
เนื่องจากต้นเทียนไขมีการใช้งานที่หลากหลายในด้านอุตสาหกรรมและการเกษตร จึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่มีการปลูกอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อน อย่างไรก็ตาม ความต้องการน้ำมัน Kukui และส่วนประกอบอื่นๆ ของต้นเทียนไขมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความเสี่ยงในการสูญเสียแหล่งพันธุ์ธรรมชาติของต้นเทียนไขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ต้นเทียนไขยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชีไซเตส (CITES) แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การอนุรักษ์พันธุ์ไม้และพื้นที่ป่าเขตร้อนถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาแหล่งพันธุกรรมของพืชชนิดนี้ให้คงอยู่ในธรรมชาติต่อไป
การปลูกและการดูแลรักษา
ต้นเทียนไขเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดจัด และทนทานต่อสภาพดินที่หลากหลาย ทั้งดินร่วน ดินเหนียว และดินทราย แต่ชอบดินที่มีความชื้นสูงและมีการระบายน้ำที่ดี การปลูกต้นเทียนไขนิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ด และต้นอ่อนสามารถเติบโตได้ดีหากได้รับน้ำเพียงพอ นอกจากนี้ การป้องกันแมลงศัตรูพืช เช่น หนอนและเพลี้ยที่กัดกินใบของต้นเทียนไขเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสามารถใช้สารชีวภาพหรือการดูแลป้องกันโดยวิธีธรรมชาติ
สถานะการอนุรักษ์
แม้ว่าต้นเทียนไขจะไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชี CITES ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมการค้าระหว่างประเทศของพืชและสัตว์ป่าที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ แต่ในหลายประเทศได้เริ่มมีการรณรงค์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกต้นเทียนไขในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพื่อช่วยอนุรักษ์และรักษาพื้นที่สีเขียวให้คงอยู่ในธรรมชาติ ปัจจุบัน ต้นเทียนไขมีความสำคัญต่อสังคมทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพราะการปลูกต้นเทียนไขไม่เพียงช่วยสร้างรายได้ แต่ยังเป็นการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปในตัว