Brazilian Pau rosa
ที่มาของ Brazilian Pau Rosa
Brazilian Pau Rosa หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไทยว่า “ไม้ปอโรซ่า” เป็นไม้ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในวงการไม้ที่ใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เนื่องจากลักษณะเนื้อไม้ที่สวยงามและมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ หนึ่งในชื่อที่เราคุ้นเคยกันดีคือ “ไม้โรสวูด” (Rosewood) ที่สามารถพบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก แต่ “Brazilian Pau Rosa” คือไม้ที่มีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งเกิดขึ้นในเขตป่าฝนเขตร้อนของประเทศบราซิล ต้นไม้ชนิดนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Aniba rosaeodora ซึ่งเป็นพืชในตระกูล Lauraceae โดยที่ต้นไม้ในตระกูลนี้ยังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไม้บางชนิดในสกุล Cinnamomum ที่ใช้ทำเครื่องเทศ เช่น กานพลู และอบเชย
ลักษณะและขนาดของต้น Brazilian Pau Rosa
ต้นไม้ Brazilian Pau Rosa มีขนาดใหญ่และเจริญเติบโตได้สูงถึง 25-30 เมตร ในบางกรณีอาจสูงถึง 40 เมตรในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เนื้อไม้มีความแข็งแรงและมักจะมีสีที่สวยงามหลากหลายตั้งแต่สีชมพูอ่อนจนถึงสีน้ำตาลแดง ที่สำคัญคือเนื้อไม้จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวซึ่งทำให้ไม้ชนิดนี้มีค่าในอุตสาหกรรมการทำเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับ ไม้ Brazilian Pau Rosa เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีลวดลายละเอียดและเป็นธรรมชาติทำให้เหมาะสำหรับการทำเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม รวมทั้งการทำเครื่องดนตรี เช่น กีตาร์คลาสสิก เนื่องจากเสียงที่ได้จากไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยสร้างเสียงที่ลึกและอบอุ่น
ชื่ออื่นๆ ของ Brazilian Pau Rosa
Brazilian Pau Rosa มีชื่อที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นหรือในหลายภาษา เช่น:
- Brazilian Rosewood (ชื่อที่ใช้ในวงการไม้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์)
- Pau-Rosa (คำในภาษาโปรตุเกสที่หมายถึง “ไม้สีชมพู”)
- Pink Ivory Wood
- Rosarinho (ชื่อท้องถิ่นในบราซิล)
- Amazon Rosewood (บางครั้งจะใช้เพื่อเชื่อมโยงกับแหล่งที่มาจากป่าฝนในอเมซอน)
ประวัติศาสตร์ของ Brazilian Pau Rosa
Brazilian Pau Rosa เริ่มถูกนำมาใช้ในช่วงศตวรรษที่ 18 ในบราซิล โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการทำเฟอร์นิเจอร์และการผลิตของตกแต่งต่างๆ เนื่องจากไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการทำเครื่องดนตรี โดยเฉพาะกีตาร์คลาสสิกที่มีการใช้ไม้ Brazilian Pau Rosa ในการทำตัวบอดี้ของกีตาร์ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 บราซิลเริ่มมีการส่งออกไม้ Brazilian Pau Rosa ไปยังตลาดยุโรปและอเมริกาเพื่อตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมเครื่องดนตรีและเฟอร์นิเจอร์หรูหราอย่างไรก็ตาม การใช้ไม้ชนิดนี้เริ่มลดลงในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เนื่องจากปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ต้นไม้ Brazilian Pau Rosa เจริญเติบโต รวมทั้งการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำไม้ชนิดนี้ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ จนทำให้ Brazilian Pau Rosa กลายเป็นไม้ที่ใกล้จะหมดไปจากป่าในธรรมชาติ
การอนุรักษ์ Brazilian Pau Rosa
ในปัจจุบันไม้ Brazilian Pau Rosa ถือเป็นไม้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากการใช้ไม้ในเชิงพาณิชย์ที่ไม่ยั่งยืน ทำให้จำนวนต้นไม้ลดลงอย่างรวดเร็ว หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และควบคุมการค้าของไม้ได้มีการจัดตั้งมาตรการต่างๆ เพื่อให้การใช้ไม้ Brazilian Pau Rosa เป็นไปอย่างยั่งยืน การคุมเข้มการตัดไม้ Brazilian Pau Rosa รวมถึงการส่งออกไม้ไปยังต่างประเทศได้รับการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora (CITES) ซึ่งทำให้ไม้ Brazilian Pau Rosa ถูกบันทึกอยู่ใน Appendix I ของ CITES ซึ่งหมายความว่า การค้าขายไม้ชนิดนี้ในตลาดโลกจะต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด
สถานะ CITES และผลกระทบต่อการค้า
ในปี 1992 ไม้ Brazilian Pau Rosa ได้รับการจัดอยู่ใน Appendix I ของ CITES ซึ่งหมายความว่า การค้าขายไม้ Brazilian Pau Rosa ทั้งในรูปของไม้แปรรูปหรือในรูปของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ชนิดนี้ ต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการลักลอบค้าหรือการทำลายป่าที่ไม่ยั่งยืน สถานะของ Brazilian Pau Rosa ใน CITES ทำให้การค้าขายไม้ชนิดนี้ในหลายประเทศเป็นไปอย่างยากลำบาก และไม่สามารถทำการค้าขายในตลาดมืดได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ทำให้ตลาดของ Brazilian Pau Rosa หดตัวลง แต่ก็เป็นการบ่งบอกถึงความพยายามที่จะอนุรักษ์ไม้ชนิดนี้จากการสูญพันธุ์
การใช้ไม้ Brazilian Pau Rosa ในปัจจุบัน
แม้ว่าไม้ Brazilian Pau Rosaจะได้รับการคุ้มครองและการค้าขายจะมีข้อจำกัดอย่างเข้มงวดในหลายประเทศ แต่ว่ายังคงมีการใช้ไม้ชนิดนี้ในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเครื่องดนตรีหรูหราและเครื่องประดับที่มีความพิเศษ ในบางกรณีการใช้ไม้ Brazilian Pau Rosa ในการทำเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียมยังคงเป็นที่ต้องการในตลาด แม้ว่าจะมีราคาที่สูงมากก็ตาม เนื่องจากลักษณะเนื้อไม้ที่มีคุณสมบัติพิเศษและความสวยงามที่หาไม่ได้จากไม้ชนิดอื่น