คุณสมบัติ ประโยชน์ และการใช้งาน
ไม้กระถินเทพา (Leucaena leucocephala) — พืชเศรษฐกิจสารพัดประโยชน์ พืชเศรษฐกิจโตเร็ว
ไม้กระถินเทพา หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “กระถินยักษ์” เป็นไม้โตเร็วสายพันธุ์หนึ่งในตระกูลถั่ว (Fabaceae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Leucaena leucocephala subsp. glabrata มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ก่อนจะถูกนำเข้ามาปลูกแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ทั้งในด้านการใช้เป็น ไม้ฟืน ไม้แปรรูป อาหารสัตว์ พืชปรับปรุงดิน และ แหล่งพลังงานชีวมวล (Biomass) ทำให้กระถินเทพากลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่น่าจับตามอง

คุณสมบัติเด่นของไม้กระถินเทพา
โตเร็ว ทนแล้ง
ไม้กระถินเทพาสามารถเจริญเติบโตได้เร็วมาก โดยเฉลี่ยสามารถตัดใช้ได้ภายใน 2-3 ปีหลังปลูก ทั้งยังทนต่อความแห้งแล้งและดินเสื่อมโทรม ทำให้เหมาะกับพื้นที่แห้งแล้งหรือที่ดินรกร้าง
ให้เนื้อไม้คุณภาพดี
เนื้อไม้ของกระถินเทพามีความหนาแน่นสูง เหมาะแก่การใช้ทำ ฟืน ถ่าน แกลบอัดแท่ง และแม้แต่แปรรูปเป็นไม้ใช้งานทั่วไป เช่น เฟอร์นิเจอร์หรือชิ้นส่วนโครงสร้างไม้เบา
ปรับปรุงดิน เพิ่มไนโตรเจน
กระถินเทพาเป็นพืชตระกูลถั่วที่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ทำให้ดินที่ปลูกกระถินเทพาจะค่อย ๆ มีคุณภาพดีขึ้น จึงเหมาะสำหรับปลูกเป็นพืชคลุมดินหรือปลูกร่วมกับพืชเศรษฐกิจอื่น

จุดเด่นของไม้กระถินเทพา
1. โตเร็ว ใช้ประโยชน์ได้เร็ว
- เจริญเติบโตเร็วมาก ตัดใช้ได้ภายใน 2–3 ปี
- หมุนเวียนการตัดปลูกได้หลายรอบจากตอเดิม
2. เนื้อไม้แน่น ให้ความร้อนสูง
- เหมาะสำหรับทำฟืน ถ่าน หรือพลังงานชีวมวล (Biomass)
- ให้พลังงานสูงถึง 4,500 kcal/kg
3. ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
- เป็นอาหารสัตว์ (ใบ/ยอดอ่อนมีโปรตีนสูง)
- ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ พาเลท แผ่นไม้
- ใช้คลุมดิน ป้องกันการพังทลายหน้าดิน
4. ปรับปรุงดินได้
- เป็นพืชตระกูลถั่วที่ตรึงไนโตรเจนจากอากาศ
- เพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ทำให้ดินดีขึ้น
5. ทนแล้ง อยู่ได้ในดินเสื่อมโทรม
- เหมาะกับพื้นที่แห้งแล้งหรือดินไม่อุดมสมบูรณ์
- ใช้ฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมได้ดี
6. ต้นทุนปลูกต่ำ ดูแลไม่ยาก
- ไม่ต้องใช้ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงมาก
- หลังปลูก 1-2 เดือนแรกแทบไม่ต้องดูแลมาก
7. ตลาดรองรับดี
- ใช้ได้ทั้งอุตสาหกรรมพลังงาน เฟอร์นิเจอร์ และเกษตร
- มีโรงงานรับซื้อทั้งไม้สด ถ่าน และไม้แปรรูป
ประเภทของไม้กระถินเทพา
ไม้กระถินเทพาโดยทั่วไปจัดอยู่ในสปีชีส์ Leucaena leucocephala แต่มีหลาย สายพันธุ์ย่อย (Subspecies) และ สายพันธุ์พัฒนา ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะเฉพาะที่เหมาะกับการใช้งานแตกต่างกัน ดังนี้

1. กระถินเทพาสายพันธุ์ K636
- สายพันธุ์ยอดนิยมจากประเทศออสเตรเลีย
- ลำต้นตรง โตเร็ว สูงได้ถึง 10–15 เมตร
- ให้ผลผลิตเนื้อไม้สูง เหมาะสำหรับ ทำฟืน-ถ่าน-ไม้แปรรูป
- ใบและยอดให้โปรตีนสูง ใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ดี
- เป็นสายพันธุ์ “เนื้อดีโตเร็ว” ที่เกษตรกรไทยนิยมมากที่สุด
2. กระถินเทพาสายพันธุ์ Peru
- พัฒนามาจากพันธุ์ในเปรู
- ลำต้นไม่สูงเท่า K636 แต่แตกกิ่งเยอะ
- ใบหนา โปรตีนสูง เหมาะกับ อาหารสัตว์โดยเฉพาะโคนม
- ใช้ทำพืชคลุมดิน ปรับปรุงดินได้ดี
- จุดเด่นอยู่ที่ ใบและโปรตีนสูง
3. กระถินเทพาสายพันธุ์ Tarramba
- พัฒนาจาก K636 ให้เหมาะกับพื้นที่ชื้น
- โตเร็ว ทนโรค ทนดินเค็ม
- ลำต้นแข็งแรง ใช้ทำ ไม้แปรรูปขนาดเล็ก ได้
- ใบดี ให้ผลผลิตอาหารสัตว์สูง
- เหมาะกับภาคใต้หรือพื้นที่ที่มีฝนตกชุก
4. กระถินเทพาท้องถิ่น/พันธุ์พื้นเมือง
- พบได้ทั่วไปในพื้นที่ชนบทไทย
- โตช้ากว่า K636 และให้เนื้อไม้น้อยกว่า
- ใบหยาบกว่า แต่ยังใช้เลี้ยงสัตว์ได้
- จุดเด่นคือปรับตัวกับสภาพดินฟ้าอากาศของไทยได้ดีมาก
5. กระถินเทพาแคระ (Dwarf Leucaena)
- เตี้ย แตกพุ่มดี ไม่สูงเกิน 2 เมตร
- นิยมปลูกเป็นพืชคลุมดิน และให้ใบสำหรับเลี้ยงสัตว์
- เหมาะกับพื้นที่จำกัด หรือทำแนวกันลม