ข้อเสียของ : ไม้พะยูง
ไม้พะยูง (Siamese rosewood) แม้จะมีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามและความแข็งแรงจนกลายเป็นที่นิยมในงานตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะไม้พะยูง หรือ พื้นไม้พะยูง แต่ไม้ชนิดนี้ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณา ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้งานหรือสะสม มาดูกันว่าข้อเสียของไม้พะยูงมีอะไรบ้างและจะส่งผลต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างไร
ความหายากและราคาแพง
ไม้พะยูงเป็นไม้เนื้อแข็งที่หายากมากในปัจจุบัน เนื่องจากทรัพยากรในป่าธรรมชาติลดลงและการควบคุมการตัดไม้ที่เข้มงวด ส่งผลให้ราคาไม้พะยูงพุ่งสูงขึ้น
– ราคาสูงกว่าปกติ: ไม้พะยูงแปรรูป เช่น ไม้พะยูงแผ่นใหญ่ หรือเฟอร์นิเจอร์อย่าง โต๊ะไม้พะยูงนำเข้า มีราคาสูงมาก ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
– การเข้าถึงยาก: เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองไม้พะยูงในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย การหาไม้พะยูงคุณภาพดีจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย
ผลกระทบ: ผู้ที่ต้องการใช้งานไม้พะยูงอาจต้องใช้เวลาและงบประมาณมากขึ้นในการจัดหาไม้ชนิดนี้
ไวต่อรอยขีดข่วนและการสึกหรอ
แม้ไม้พะยูงจะมีความแข็งแรง แต่ผิวหน้าของไม้กลับไวต่อรอยขีดข่วนและการสึกหรอ หากใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น พื้นไม้พะยูง หรือโต๊ะอาหาร
– เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานบ่อย: เช่น โต๊ะไม้พะยูง มักเกิดรอยขีดข่วนจากการวางของแข็งหรือของมีคม
– พื้นไม้ในพื้นที่ที่มีการเดินผ่านบ่อย: สำหรับพื้นไม้พะยูง รอยจากรองเท้าหรือการลากเฟอร์นิเจอร์อาจทำให้ผิวไม้เสียหายและดูไม่น่าดึงดูด
ผลกระทบ: ต้องใช้ความระมัดระวังและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการดูแลรักษาผิวไม้ให้คงความสวยงาม
ความไวต่อความชื้นและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
ไม้พะยูงไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เนื่องจากอาจทำให้ไม้เกิดปัญหา เช่น บวมหรือหดตัว
– การดูดซับความชื้น: แม้ไม้พะยูงจะแข็งแรง แต่ก็มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น ซึ่งอาจทำให้ไม้บวมและเสียรูปทรง
– การหดตัวและแตกร้าว: ในสภาพอากาศแห้งจัด ไม้พะยูงอาจเกิดการแตกร้าวหรือหดตัวได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ได้ควบคุมความชื้นและอุณหภูมิ
ผลกระทบ: ต้องมีการเคลือบสารป้องกันความชื้นหรือจัดการสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ซึ่งเพิ่มภาระในการดูแล
การแปรรูปยาก
ไม้พะยูงเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความหนาแน่นสูง แม้จะมีข้อดีในแง่ความแข็งแรง แต่ก็ทำให้การแปรรูปไม้เป็นเรื่องยาก
– ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ: การตัด เจาะ หรือขัดไม้พะยูงต้องใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพสูง และช่างไม้ที่มีประสบการณ์
– ใช้เวลาและแรงงานมาก: การแปรรูปไม้พะยูงให้ได้เฟอร์นิเจอร์หรือไม้สำเร็จรูป เช่น โต๊ะหรือไม้แผ่นใหญ่ ต้องใช้เวลาและแรงงานจำนวนมาก
ผลกระทบ: ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ส่งผลต่อราคาสินค้าสำเร็จรูปที่แพงกว่าปกติ
ความเสี่ยงต่อปลวกและแมลงกินไม้
ไม้พะยูงแม้จะมีความแข็งแรง แต่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกปลวกและแมลงกัดกิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ได้ดูแลหรือป้องกันอย่างเหมาะสม
– ปลวกและแมลง: หากไม่มีการเคลือบสารกันปลวก ไม้พะยูงอาจถูกทำลายโดยปลวกหรือแมลงกินไม้ชนิดอื่น
– พื้นที่ชื้นหรือใกล้ดิน: หากติดตั้งไม้พะยูงในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือใกล้กับดิน เช่น พื้นไม้ที่ไม่ได้ยกพื้น อาจเสี่ยงต่อการถูกทำลาย
ผลกระทบ: ต้องใช้สารเคมีหรือเทคนิคพิเศษในการป้องกันแมลง ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสี
สีของไม้พะยูงเป็นเอกลักษณ์ แต่เมื่อสัมผัสกับแสงแดดหรือความร้อนเป็นเวลานาน สีของไม้พะยูงอาจซีดจางหรือเปลี่ยนแปลงได้
– สีซีดจากแสงแดด: การติดตั้งไม้พะยูงในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึง เช่น หน้าต่างที่ไม่มีม่านกรองแสง อาจทำให้สีของไม้ซีดจางลง
– การเปลี่ยนแปลงสี: สีของไม้พะยูงอาจเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้นหรือซีดลงตามระยะเวลาการใช้งาน
ผลกระทบ: ต้องมีการเคลือบน้ำยาป้องกัน UV หรือเลือกติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง
การถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
ไม้พะยูงเป็นไม้ที่ถูกควบคุมการตัดและการซื้อขายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย การจัดหาไม้ชนิดนี้จึงอาจเจอกับข้อจำกัดด้านกฎหมาย
– เอกสารและการรับรอง: การซื้อขายไม้พะยูงต้องมีเอกสารรับรองอย่างถูกต้อง หากไม่มีเอกสาร อาจเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี
– การขนส่ง: การนำเข้าและส่งออกไม้พะยูง เช่น ไม้พะยูงนำเข้า ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เข้มงวด ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายและเวลาการดำเนินการ
ผลกระทบ: การเข้าถึงไม้พะยูงแท้ในตลาดทั่วไปทำได้ยาก และต้องระวังเรื่องกฎหมายการค้า
สรุป
แม้ไม้พะยูงจะเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงและสวยงามจนเป็นที่นิยมสำหรับงานตกแต่ง เช่น โต๊ะไม้พะยูง หรือ พื้นไม้พะยูง แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณาก่อนใช้งาน ทั้งในแง่ของราคา ความไวต่อความชื้น รอยขีดข่วน และการดูแลรักษาที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้ การจัดหาไม้พะยูงในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดจากกฎหมายและทรัพยากรที่ลดลง ดังนั้น สำหรับผู้ที่สนใจใช้หรือสะสมไม้พะยูง การศึกษาข้อมูลและวางแผนการใช้งานให้เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้คุ้มค่ากับการลงทุนในไม้ที่มีคุณค่าเช่นนี้