ข้อเสีย : ไม้เชอร์รี่
ไม้เชอร์รี่ หรือ Cherry Wood เป็นไม้ที่มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมในงานเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งบ้าน เช่น โต๊ะไม้เชอร์รี่ หรือ พื้นไม้เชอร์รี่ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจเลือกใช้ไม้ชนิดนี้ มาดูกันว่าข้อเสียของไม้เชอร์รี่มีอะไรบ้าง และควรรับมืออย่างไรหากต้องการใช้งานไม้ชนิดนี้ในระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงของสีไม้
หนึ่งในข้อเสียที่พบได้บ่อยใน ไม้เชอร์รี่ คือการเปลี่ยนแปลงของสีเมื่อเวลาผ่านไป
- เปลี่ยนสีเมื่อโดนแสงแดด: ไม้เชอร์รี่มีความไวต่อแสงแดด หากสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน สีของไม้จะเข้มขึ้น หรือบางครั้งอาจเกิดความซีดจางในบางพื้นที่ที่ไม่ได้รับแสงสม่ำเสมอ เช่น บริเวณที่มีเฟอร์นิเจอร์วางทับ พื้นไม้เชอร์รี่
- การป้องกัน: ควรหลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์ไม้เชอร์รี่ในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง หรือใช้ฟิล์มกรองแสงและม่านป้องกันแสง
ความไวต่อความชื้น
ไม้เชอร์รี่ไวต่อความชื้น ซึ่งเป็นข้อเสียที่ส่งผลต่อการใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัว
- ผลกระทบจากความชื้น: ความชื้นอาจทำให้ไม้เกิดการบวม พอง หรือเกิดเชื้อราบนผิวไม้ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ได้เคลือบน้ำยากันชื้นอย่างดี
- การป้องกัน: สำหรับ โต๊ะไม้เชอร์รี่ หรือ พื้นไม้เชอร์รี่ ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ควรใช้น้ำยาป้องกันความชื้นหรือเคลือบผิวไม้ด้วยสารเคลือบพิเศษ
ความแข็งแรงน้อยกว่าไม้เนื้อแข็งบางชนิด
แม้ว่า ไม้เชอร์รี่แผ่นใหญ่ จะมีความแข็งแรงพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น เช่น ไม้โอ๊คหรือไม้สัก ไม้เชอร์รี่อาจมีความแข็งแรงที่ด้อยกว่าเล็กน้อย
- ปัญหาจากแรงกระแทก: หากมีการใช้งานที่ต้องรับน้ำหนักมาก หรือมีการกระแทกบ่อยๆ ไม้เชอร์รี่อาจเกิดรอยบุบหรือรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่า
- การป้องกัน: ใช้แผ่นรองเฟอร์นิเจอร์ หรือหลีกเลี่ยงการใช้งานในลักษณะที่มีแรงกระแทกสูง
ความไวต่อรอยขีดข่วน
ไม้เชอร์รี่มีพื้นผิวที่เรียบเนียนและลวดลายที่สวยงาม แต่ข้อเสียคือพื้นผิวนี้ไวต่อรอยขีดข่วน
- ผลกระทบจากการใช้งานประจำวัน: หากใช้ไม้เชอร์รี่เป็น โต๊ะไม้เชอร์รี่ หรือ พื้นไม้เชอร์รี่ ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น ห้องครัวหรือห้องนั่งเล่น อาจเกิดรอยขีดข่วนจากของใช้หรือการเดินลากของ
- การป้องกัน: ใช้ผ้าปูโต๊ะหรือพรมรองพื้นเพื่อลดการเสียดสีกับไม้โดยตรง
ราคาที่ค่อนข้างสูง
เมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ไม้ยางพาราหรือไม้สน ไม้เชอร์รี่นำเข้า มักมีราคาสูงกว่า
- ต้นทุนการผลิต: การปลูกและเก็บเกี่ยวไม้เชอร์รี่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรที่มากกว่า ทำให้ราคาของไม้ชนิดนี้สูง โดยเฉพาะ ไม้เชอร์รี่แผ่นใหญ่ ที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่
- ทางเลือกในการซื้อ: ผู้ซื้ออาจเลือกใช้ไม้เชอร์รี่ในพื้นที่ที่ต้องการเน้นความสวยงามเป็นพิเศษ และเลือกใช้ไม้ชนิดอื่นในพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องโชว์ลวดลาย
ต้องการการดูแลรักษาที่สม่ำเสมอ
การรักษา พื้นไม้เชอร์รี่ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ชนิดนี้ให้อยู่ในสภาพที่ดีต้องการการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ
- ความยุ่งยากในการดูแล: การขัดเงา การเคลือบน้ำมัน หรือการป้องกันรอยขีดข่วนต้องทำเป็นประจำเพื่อคงความงามของไม้
- การลงทุนในระยะยาว: หากไม่ได้ดูแลอย่างเหมาะสม ไม้อาจสูญเสียความงามและคุณสมบัติที่ดีไปเร็วกว่าที่ควร
ข้อจำกัดด้านการใช้งานในบางพื้นที่
ไม้เชอร์รี่ อาจไม่เหมาะกับทุกสภาพแวดล้อม
- การใช้งานกลางแจ้ง: เนื่องจากไม้เชอร์รี่ไวต่อแสงแดดและความชื้น การใช้งานกลางแจ้งอาจทำให้ไม้เสียหายได้ง่าย เช่น การใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์นอกบ้าน
- ทางเลือกอื่น: หากต้องการใช้งานในพื้นที่กลางแจ้ง อาจเลือกไม้ชนิดอื่นที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น ไม้สัก หรือไม้เต็ง
สรุป
แม้ว่า ไม้เชอร์รี่ จะเป็นไม้ที่สวยงามและเหมาะกับงานตกแต่งหลากหลายประเภท แต่ข้อเสีย เช่น การไวต่อรอยขีดข่วน ความชื้น และการเปลี่ยนสีเมื่อโดนแสงแดด ควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเลือกใช้งาน นอกจากนี้ ราคาที่ค่อนข้างสูงและความต้องการการดูแลรักษาเป็นประจำอาจเป็นข้อเสียสำหรับผู้ที่มองหาวัสดุที่ดูแลรักษาง่าย หากคุณพร้อมที่จะดูแลอย่างเหมาะสม ไม้เชอร์รี่จะยังคงเป็นวัสดุที่คุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว