Black ash
ชื่อสามัญ: Black Ash
ชื่อวิทยาศาสตร์: Fraxinus nigra
การกระจายพันธุ์: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาตะวันออก
ขนาดต้นไม้: สูง 50-65 ฟุต หรือ 15-20 เมตร
เส้นผ่านศูนย์กลาง: 1-2 ฟุต หรือ 0.3-0.6 เมตร
น้ำหนักแห้งเฉลี่ย: 34 lbf/ft3 (545 kg/m3)
ความถ่วงเฉพาะ : 0.45, 0.55
ความแข็ง : 850 lbf (3,780 N)
การแตกหัก : 12,600 lbf/in2 (86.9 Mpa)
การยืดหยุ่น: 1,600,000 lbf/in2 (11.00 Gpa)
ความสามารถในการบด: 5,970 lbf/in2 (41.2 Mpa)
การหดตัว: Radial: 5.0%, Tangential: 7.8%, Volumetric: 15.2%, T/R Ratio: 1.6
*หน่วย
lbf/in2 = ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
lbf/ft3 = ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต
kg/m3 = กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
สี/ลักษณะ: แก่นของไม้มีสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลปานกลาง กระพี้สามารถมีขนาดกว้างมากมีสีเบจหรือสีน้ำตาลอ่อนและไม่ได้แบ่งเขตอย่างชัดเจนจากแก่นไม้ ไม้ Black Ash มักจะมีสีเข้มกว่าไม้ White Ash (Fraxinus americana) เล็กน้อย
เสี้ยนเนื้อไม้/ผิวสัมผัสเนื้อไม้: มีผิวสัมผัสเนื้อไม้หยาบปานกลางถึงหยาบคล้ายกับไม้โอ๊ค เสี้ยนเนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง (หมายถึงเซลล์ไฟเบอร์เรียงตัวตรงในแกนตั้ง) บางครั้งอาจพบแผ่นไม้ที่เป็นคลื่นหรือหยัก
ความทนทาน: ไม้มีความทนทานต่ำทั้งการผุผังและการรุกรานของแมลง
ความสามารถในการใช้: ไม้ Black ash ใช้งานค่อนข้างง่ายทั้งด้วยมือ เครื่องมือ กาว และเทคนิคการใช้ไอน้ำดี
กลิ่น: มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ขณะทำงาน
การแพ้/ความเป็นพิษ: ในสกุลไม้ Fraxinus ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังและการทำงานของปอดลดลง
ราคา/การมีอยู่: ไม้ Ash เป็นหนึ่งในไม้เนื้อแข็งที่มีราคถูกที่สุดในประเทศ
ความยั่งยืน: ไม้ชนิดนี้ไม่ได้จัดอยู่ในสัญญาสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) แต่ถูกประเมินให้อยู่ในสถานภาพความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในโลกโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List) เนื่องจากคาดว่าจะมีการลดจำนวนของไม้ลงกว่า 80% ในอีกสามชั่วอายุคนถัดไป ซึ่งเกิดจากผลกระทบการเพิ่มของอนุกรมวิธานพืช
การใช้งานทั่วไป: งานปูพื้น ,กล่อง/ลัง ,ไม้เบสบอล และงานกลึง เช่น ด้ามจับเครื่องมือ
อ้างอิง
Eric Meier ( November 2021). Wood identifying and using hundreds of wood world wide Retrieved September 10, 2022, from https://www.wood-database.com/black-ash/